Ford Aftersales Services
การบำรุงรักษารถยนต์
ขอขอบคุณที่คุณให้ความสนใจและใช้รถฟอร์ด เราหวังว่าคุณจะได้รับความสนุกกับการขับขี่รถฟอร์ด รถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ มีการทำงานและคุณสมบัติทางโครงสร้างที่แตกต่างกัน จากประสบการณ์ เราพบว่าการร้องเรียนหรือความไม่พึงพอใจบางเรื่องเกิดจากความไม่เข้าใจในเรื่องดีไซน์และคุณสมบัติทางโครงสร้างของรถยนต์หรือมีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดเหล่านี้ เราจึงจัดเตรียมคู่มือแนะนำการใช้รถฉบับนี้ขึ้น ซึ่งจะแนะนำคุณสมบัติการทำงานที่สำคัญและความรู้ทั่วไปบางประการในเรื่องการใช้รถยนต์ ข้อมูลที่อยู่ในคู่มือแนะนำฉบับนี้เป็นไปเพื่อการอ้างอิงของคุณเท่านั้น และไม่สามารถทดแทนคู่มือสำหรับเจ้าของรถ (Owner Manual) ได้ เราจึงขอแนะนำให้คุณอ่านคู่มือ สำหรับเจ้าของรถอย่างละเอียดถี่ถ้วน คุณสามารถรับข้อมูลอย่างละเอียดของรถคุณได้จากคู่มือสำหรับเจ้าของรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานที่เป็นมาตรฐานของ รถยนต์และการขับขี่อย่างปลอดภัย เราหวังว่าคู่มือแนะนำการใช้รถฉบับนี้จะสามารถช่วยให้คุณมีความรู้เกี่ยวกับรถฟอร์ดมากขึ้น และช่วยให้คุณเป็นผู้ชำนาญในการใช้รถ
การบำรุงรักษาแบตเตอรี่
โดยทั่วไปขนาดของแบตเตอรี่จะวัดจากความจุไฟฟ้า ความจุไฟฟ้าแสดงถึงความสามารถในการจ่ายกระแสไฟ เมื่อแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็ม จ่ายกระแสไฟอย่างต่อเนื่องด้วยระดับกระแสไฟฟ้าหนึ่งจนแรงดันไฟฟ้าหมด โดยปกติจะแทนด้วยค่า AH เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีค่า AH น้อยกว่าแบตเตอรี่ตัวเดิม
การยืดอายุแบตเตอรี่ คุณควรสร้างนิสัยการขับรถที่ดีและเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกจากรถของคุณ ในกรณีที่ขับระยะทางสั้น ๆ ในแต่ละวันหรือขับในเวลากลางคืนเป็นเวลานาน แบตเตอรี่จะถูกชาร์จอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ในรถ ถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยสายพ่วง
นอกจากนี้ ถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทติดยากหรือแสงไฟไม่สว่างพอ ควรนำแบตเตอรี่เข้าตรวจเช็คเป็นพิเศษที่ศูนย์บริการฟอร์ด และควรถอดแบตเตอรี่ออกเพื่อชาร์จให้เต็ม มิเช่นนั้น ถ้าแบตเตอรี่ทำงานภายใต้สภาวะไฟฟ้าไม่เพียงพอเป็นเวลานานจะสร้างความเสียหายให้กับแบตเตอรี่ และส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงอย่างมาก
หลักสำคัญ: อย่าใช้ระบบเครื่องเสียงและระบบไฟในขณะที่ไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจอดรถ ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าปิดประตูทุกบานและฝากระโปรงท้ายแล้ว เพื่อป้องกันไฟภายในตัวรถและไฟที่ฝากระโปรงท้ายใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้ ทำให้รถเข้าสู่ sleeping mode ซึ่งเป็นโหมดประหยัดพลังงานมากที่สุดในการป้องกันขโมย
หากคุณเดินทางไกลและไม่ใช้รถของคุณเป็นเวลานาน ขอแนะนำให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการปล่อยกระแสไฟช้าๆจนหมด ถ้าแบตเตอรี่ปล่อยกระแสไฟจนหมด แบตเตอรี่จะเสียหาย
การบำรุงรักษายางรถยนต์
เกณฑ์มาตรฐานแรงดันลมยางจะติดอยู่ที่เสากลางประตูหน้าด้านขวา
การใช้ยางรถยนต์อย่างหนัก พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม และการเบรคอย่างไม่สมควร จะทำให้ดอกยางสึกทั้งหมดหรือบางส่วน ถ้ามีสารตัวทำละลายที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกระเด็นไปถูกยางรถยนต์จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพและยางล้อขยายตัว ความเสียหายและรอยกรีดที่ด้านข้างยางรถยนต์จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการทำงานพื้นฐานของยางรถยนต์ หากพบกรณีเหล่านี้ ขอแนะนำให้ตรวจสอบและเปลี่ยนยางที่ศูนย์บริการฟอร์ด
โดยทั่วไปควรเช็คสภาพยางรถยนต์ก่อนการใช้รถ สลับล้อหน้าและล้อหลังอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของศูนย์บริการฟอร์ด
ในการบำรุงรักษาประจำวัน ควรตรวจสอบและปรับตั้งตำแหน่งล้อทั้งสี่เป็นประจำ ควรเปลี่ยนยางเมื่อร่องดอกยางตื้นเกินไป คุณสามารถคงการทำงานของยางรถยนต์ในสภาพที่ดีที่สุดหากดูแลบำรุงรักษาตามวิธีการข้างต้น และใช้รถยนต์ของคุณได้โดยไม่มีความกังวลใด ๆ
นอกจากนั้น ให้ใช้ยางอะไหล่ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ห้ามนำมาใช้ระยะยาว และควรควบคุมความเร็วรถยนต์โดยไม่ควรขับเกิน 80 กม./ชม. ในสถานการณ์ปกติ
นอกจากนี้ แรงดันลมยางที่สูงเกินไปจะทำให้ความนุ่มในการขับขี่ลดลง ในทางตรงกันข้าม
แรงดันลมยางที่ต่ำเกินไปจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้น ถ้าแรงดันลมยางด้านซ้ายและขวาแตกต่างกัน (ด้านหนึ่งสูงและอีกด้านหนึ่งต่ำ) จะทำให้รถวิ่งเสียศูนย์
การดูแลรักษาสีรถ
ขอแนะนำให้ดูแลสีรถเป็นประจำ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยคุณรักษาสีรถให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
การทำความสะอาดรถ
ทำความสะอาดรถเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีคุณใช้รถในพื้นที่ใกล้ชายฝั่งและพื้นที่ที่มีเกลือหรือสารเคมีอยู่ในอากาศหรือบนถนน กรุณาล้างรถด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น ถ้าไม่สามารถล้างยางไม้ แมลง ขี้นก หรือรอยเปื้อนออกด้วยน้ำเปล่า กรุณาใช้น้ำสบู่เจือจางหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
การล้างรถอัตโนมัติ
ขอแนะนำให้ใช้เครื่องล้างรถอัตโนมัติแบบไม่มีแปรง อาจมีน้ำบางส่วนพุ่งเข้ามาในรถในระหว่างการเดินเครื่องล้างรถอัตโนมัติที่มีแรงดันสูง ก่อนที่จะนำรถเข้าเครื่องล้างรถอัตโนมัติ ให้พับกระจกมองข้าง
การล้างรถด้วยมือ
หลังใช้น้ำยาทำความสะอาดรถล้างรถแล้ว กรุณาล้างออกด้วยน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ และเช็ดรถโดยใช้หนังนุ่ม ๆ หรือวัสดุที่มีความนุ่มอื่น ๆ ขอแนะนำให้ล้างและตรวจสอบโครงรถยนต์ (แชสซี) ทั้งคันเป็นประจำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังฤดูฝน) ในพื้นที่ที่มีวัสดุกรัดกร่อนมาก (เช่น เกลือ) ก่อนใช้น้ำยาล้างรถหรือน้ำยาขัดรถ กรุณาอ่านวิธีการใช้และข้อมูลคำเตือนบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ควรล้างหยดน้ำมันที่กระเด็นไปติดสีรถหรือขี้นกที่หยดใส่ผิวหน้าตัวถังรถยนต์ ออกหรือกำจัดออกให้เร็วที่สุด หากไม่ทำความสะอาดวัสดุติดแน่นเหล่านี้จะเกิดความเสียหายกับผิวหน้าของสีรถ
การเคลือบและการขัดสีรถ
ควรทำความสะอาดและเช็ดรถให้แห้งก่อนจะเคลือบและขัดสีรถ ขอแนะนำให้เพิ่มความถี่ในการเคลือบและขัดสีรถอย่างเหมาะสมในพื้นที่ที่มีฝุ่นจากอุตสาหกรรม ฝุ่นละออง ฝนตกหนัก ไอเกลือ แมลง และขี้นกเป็นประจำ หรือจอดรถใต้ต้นไม้เป็นประจำ
รอยขูดขีด
ขอแนะนำให้ป้องกันการขูดขีดสีรถและทำความเสียหายแก่ผิวหน้าสีรถโดยตรงจากวัตถุ เช่น กุญแจ นาฬิกา แหวน หัวเข็มขัด กิ่งไม้ หรือก้อนหิน
อื่น ๆ
ถ้าคุณจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานาน ขอแนะนำให้คลุมและปกป้องตัวรถโดยใช้ผ้าคลุมรถกันฝุ่น เมื่อจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานาน ฝุ่นอาจมาเคลือบอยู่บนตัวรถ จึงแนะนำให้ทำความสะอาดรถด้วยน้ำ จากนั้นเช็ดอย่างแผ่วเบาด้วยเศษผ้าสะอาดเพื่อป้องกันทรายและฝุ่นบนผิวสีรถหรือวัสดุทำความสะอาดขัดถูกับผิวสีรถ และก่อให้เกิดคราบหรือรอยเช็ดเล็ก ๆ บนผิวสีรถจากการล้างตัวรถ
การบำรุงรักษาระบบเบรค
จานเบรคทำมาจากเหล็กหล่อ หากรถของคุณไปลุยน้ำมาหรือออกไปสัมผัสสภาพแวดล้อมเปิดเป็นเวลานาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพฝนตกหนัก) น้ำที่หลงเหลือหรือเม็ดฝนที่กระเด็นเข้าจานเบรคของคุณอาจทำให้เกิดสนิมเล็กน้อยที่ด้านนอกจานเบรค เราขอแนะนำคุณว่า:
1) หลังจากซื้อรถยนต์คันใหม่ ถ้าจานเบรคเป็นสนิมเล็กน้อย ขอแนะนำให้กำจัดสนิมออกด้วยการขับและเหยียบเบรค ถ้าติดตั้งแผ่นปูพื้น ที่ตำแหน่งผู้ขับขี่ ต้องระวังการเว้นพื้นที่เคลื่อนไหวอย่างเพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงการกวนกันระหว่างคันเหยียบและแผ่นปูพื้น หรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอ
2) เสียงเบรคที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวเป็นเรื่องปกติโดยทั่วไป และไม่จำเป็นต้องกังวล ระบบอาจส่งเสียงแหลมหรือเสียงดังเอี๊ยดเป็นครั้งคราวหรือเป็นช่วง ๆ ในการเบรคระหว่างการทำงานปกติ โดยทั่วไปเสียงเหล่านี้มีสาเหตุมาจากสภาวะแวดล้อม เช่น ความหนาวเย็น ความร้อน ความชื้น ฝุ่นจากถนน ดินเค็มด่าง หรือถนนขี้โคลน หลังจากรถไปลุยน้ำหรือขับขี่ในทุ่งหญ้า กรุณาล้างรถ และกำจัดคราบน้ำที่หลงเหลืออยู่โดยใช้ผ้าหรือด้วยการขับขี่
3) หากคุณไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน ให้พยายามจอดรถยนต์ของคุณในที่ร่ม หรือคลุมด้วยผ้าคลุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสนิมที่จานเบรค
4) เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดสนิมหรือเป็นร่องเล็กน้อยที่จานเบรคหลังฝนตกหนักหรือจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน
5) กรุณาดูแลระบบเบรคเป็นประจำตามคำแนะนำในคู่มือสำหรับเจ้าของรถ (Owner Manual)
ข้อควรระวัง
1) การดูแลภายในรถยนต์ควรดูแลให้ทันเวลา สม่ำเสมอ และระยะยาว
ทันเวลา - เมื่อภายในรถยนต์สกปรก ควรขจัดสิ่งสกปรกและทำความสะอาดอย่างทันท่วงทีสม่ำเสมอ - อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ระยะยาว - การบำรุงรักษาระยะยาวสามารถดูแลภายในรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี สามารถรักษาและอาจเพิ่มมูลค่าของรถในกรณีที่ขายต่อหรือปล่อยเช่า
2) อุปกรณ์ภายในรถยนต์ผลิตขึ้นจากวัสดุที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือกวิธีบำรุงรักษาที่ถูกต้องสำหรับวัสดุนั้นๆ
3) บางบริเวณจะเปื้อนง่ายจึงควรให้ความใส่ใจ เช่น พวงมาลัย เข็มขัดนิรภัย คอนโซลกลาง และแผงประตูด้านคนขับ
4) เมื่อทำความสะอาดพื้นที่ภายในรถยนต์แล้ว ควรเปิดประตูและช่องรับแสงเพื่อระบายอากาศ
5) น้ำยาทำความสะอาดบางชนิดในท้องตลาดอาจทำอันตรายต่ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ หรือสภาพแวดล้อมรอบข้าง (การสัมผัสหรือการสูดดมสารพิษ ความสามารถในการติดไฟ และภาวะกรดหรือด่างเข้มข้น) ก่อนใช้น้ำยาเหล่านี้ควรอ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งาน ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีต่อไปนี้: เมื่อใช้น้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาขัดรถ ควรได้รับการยืนยันว่าไม่มีตัวทำละลายอินทรีย์ หรือสารที่มีความเป็นกรดเข้มข้น หรือของเหลวที่มีความเป็นด่าง เช่น เมทธิลเบนซีน น้ำมันเบนซิน น้ำมันเชื้อเพลิง เอทานอล และเมทานอล
6) อย่าทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวภายในรถยนต์ด้วยใบมีด แปรงแข็ง หรือวัตถุแหลมคมอื่น ๆ
สิ่งทอ (เพดาน เบาะนั่ง และส่วนหุ้มตกแต่งแผงประตู)
1) กำจัดฝุ่นและละอองสารปนเปื้อนโดยใช้แปรงขนอ่อนและเครื่องดูดฝุ่น
2) สำหรับรอยคราบที่แข็งหรือมีขนาดใหญ่ ให้เช็ดอย่างแผ่วเบาด้วยเศษผ้าเพื่อซับรอยเปื้อนให้ได้มากที่สุดก่อน จุ่มเศษผ้าลงในน้ำบริสุทธิ์ (pure water) หรือน้ำโซดา บิดให้แห้งแล้วเช็ดออกให้หมด (หมายเหตุ: ควรบิดผ้าให้แห้ง)
3) เช็ดรอยเปื้อนจากด้านริมเข้าสู่บริเวณตรงกลาง
4) หากมีบางรอยเปื้อนที่ติดแน่นไม่สามารถเช็ดออกได้หมด ให้ใช้น้ำสบู่เจือจางเช็ดซ้ำ ๆ ตามขั้นตอนด้านบน (ความเข้มข้นของน้ำสบู่ที่ใช้จุ่มผ้าไม่ควรสูงเกินไปแต่สามารถเพิ่มความเข้มข้นได้ทีละน้อย)
5) ทำความสะอาดด้วยน้ำบริสุทธิ์เพื่อกำจัดน้ำสบู่ที่เหลืออยู่ และใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือเศษผ้าแห้งเช็ดน้ำที่เหลืออยู่ และเช็ดอุปกรณ์ตกแต่งให้แห้ง
6) เข็มขัดนิรภัย - สามารถทำความสะอาดและดูแลรักษาเข็มขัดนิรภัยด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดเท่านั้น ควรดูแลให้อยู่ในความสะอาดและแห้ง (การฟอกขาวและการย้อมสีจะทำความเสียหายกับความแข็งแรงของเข็มขัดนิรภัย และอุณหภูมิที่ทำให้แห้งไม่ควรเกิน 80℃)
พรม (พรมรถยนต์)
1) พรมรถยนต์ได้ถูกยึดเข้ากับตัวรถ ดังนั้นการทำความสะอาดพรมรถยนต์จึงไม่สะดวก ขอแนะนำให้ใช้แผ่นปูพื้นรถยนต์ที่สามารถยกออกได้
2) ถ้าแผ่นปูพื้นรถยนต์สกปรกไม่มาก แนะนำให้นำออกไปเคาะนอกรถ ถ้าไม่สามารถกำจัดสิ่งสกปรกออกจากแผ่นปูพื้นรถยนต์ได้ง่าย ให้อ้างอิงวิธีดูแลและการทำความสะอาดตามมาตรฐานของวัสดุนั้น
3) ถ้าพรมเปื้อนง่าย ให้กำจัดฝุ่นด้วยแปรงและเครื่องดูดฝุ่นก่อนการซักล้าง
4) หลังจากกำจัดฝุ่นออกแล้ว ให้พ่นน้ำยาทำความสะอาดอย่างถูกต้อง (น้ำสบู่เจือจางและน้ำโซดา) ทำความสะอาดด้วยแปรง และสุดท้ายซับน้ำยาทำความสะอาดที่เหลืออยู่ด้วยเศษผ้าสะอาด
5) ต้องระวังเป็นพิเศษว่าไม่ควรแช่พรมรถยนต์และแปรงเพื่อทำความสะอาด มิเช่นนั้น วัสดุต่าง ๆ ที่ผนึกเข้าด้วยกันหลายชั้นจะถูกทำลาย และพรมรถยนต์จะไม่แห้งเป็นเวลานานซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการใช้งาน
หนัง (เบาะนั่งหนัง เป็นต้น)
1) กำจัดฝุ่นด้วยเศษผ้านุ่ม ๆ จุ่มน้ำ
2) ถ้ามีรอยเปื้อนหลงเหลืออยู่ ให้เช็ดด้วยเศษผ้านุ่ม ๆ จุ่มน้ำสบู่เจือจาง
3) หลังจากกำจัดรอยเปื้อนออกแล้ว ปล่อยให้หนังแห้งเองตามธรรมชาติ
4) น้ำยาทำความสะอาดและแปรงขัดหนังที่มีขายสำหรับการดูแลรักษาหนังอาจทำให้ความมันวาวของหนังไม่สม่ำเสมอ หรือกระทบต่อหนังที่ได้รับการสัมผัสเป็นการเฉพาะ ดังนั้นจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง